อาชีพเสริมหลังเลิกงาน ปลูกใบตองขาย สร้างรายได้ 40,000 - 50,000 บาท/เดือน



สวัสดีครับ วันนี้พบกันวันที่ 12 มกราคม 2559 วันนี้มีอาชีพเสริมหลังเลิกงานมานำเสนออีกเช่นเคยเหมือนกับทุกวัน วันนี้อาชีพเสริมที่จะมานำเสนอคือ วิธีปลูกใบตองขาย ใบตองถือว่าเป็นพืชเศรษกิจอีกตัวนึงที่นิยมนำมาเป็นอุปกรณ์ใช้ในการทำอาหาร คาว หวาน และอื่น ๆ อีกมากมายหลายอย่าง และตลาดใบตองยังมีคนปลูกยังไม่ค่อยมาก หากใครมีพื้นที่น่าทำไว้สร้างรายได้เสริม ให้แก่ครัวเรือนของท่านเป็นอย่างยิ่งครับ ทุกวันนี้คนไทยรุ่นใหม่ทำอาชีพเกษตรกรกันน้อยลง เพราะมองว่าอาชีพเกษตรกรเป็นงานที่หนัก ทำงานเหนื่อยมาก สายตัวแทบขาด แต่ได้ผลตอบแทนตำ่ ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ความจริงแล้ว ในภาคการเกษตรยังมีอีกหลายอาชีพที่น่าสนใจ เช่นอาชีพปลูกกล้วยตานีเพื่อขายใบตอง ที่ใช้เงินลงทุนน้อย แต่ให้ผลตอบแทนสูง เป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ และฟันผลกำไร งามมาก ถึงร้อยละ 90 กันเลยทีเดียว วันนี้ขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปพูดคุยกับคุณปรีชา เวฬุมาศ หรือที่ในชุมชนเรียกติดปากว่า กำนัลปรีชา เกษตรกรคนเก่งนี้ประสบความสำเร็จ ในเส้นทางอาชีพการปลูกกล้วยตานีเพื่อตัดใบขาย จนสร้างฐานะครอบครัวได้อย่างมั่นคง ปัจจุบัน กำนัลปรีชาและครอบครัว พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 28/2หมู่10 ตำบลย่านยาว อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย โทร 087 -349-9322  กำนัลปรีชา มีจุดเริ่มต้นจาก . . .





ชีวิตชาวนา มีที่ดินทำกิน 70 ไร่ แต่เส้นทางอาชีพชาวนาของเขากลับไม่ราบรื่น แม้ทำงานหนัก แต่ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ เนื่องจากทำนาปลูกข้าวได้แค่ปีละครั้ง และขายข้าได้ราคาถูก เขาเป็นเกษตรกรที่ทำงานสู้ชีวิต เมื่อเว้นว่างจากการทำนา ก็หารายได้เสริม มารับจ้างสอยใบตองให้กับสวนกล้วยของเพื่อนบ้าน ทำให้รู้ว่า อาชีพการทำสวนกล้วยตานีเพื่อขายใบตอง ให้ผลตอบแทนที่ดีมาก

เมื่อ 10 ปีก่อน เขาตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพ หันมาปลูกกล้วยตานีเพื่อตัดใบขาย โดยกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ . ก . ส ) เพื่อสร้างสวนกล้วยตานีเป็นของตนเอง นับว่า อาชีพนี้ถูกโฉลกดวงชะตาเขามากที่สุด เพราะช่วยสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้

ในครั้งแรา กำนัลปรีชาทดลองเพื่อปลูกกล้วย ตานีเพื่อขายใบเพียงแค่ 5 - 6 ไร่ สามารถสร้างรายได้รายวัน เฉลี่ยวันละ 200 - 300 บาท ทำให้เขาเกิดกำลังใจ ที่จะมุมานะทำงานมากขึ้น เริ่มจากขยายพื้นที่การปลูกกล้วย พร้อมกับพัฒนาช่องทางการตลาดควบคู่ไปด้วย ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลายพันบาทต่อวัน





เมื่อกำนันปรีชามั่นใจว่า เขาเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตัวเขาเองได้แล้ว ก็ไม่รีรอที่ขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง จนทุกวันนี้เขามีพื้นที่ทำสวนกล้วยตานีกว่า 240 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินส่วนตัวของกำนันปรีชา จำนวน 70 ไร่ นอกนั้นเป็นที่ดินเช่า เพื่อนำมาปลูกกล้วย โดยจ่ายค่าเช่า 1,500 บาทต่อไร ต่อปี คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เพราะการทำสวนกล้วย สามารถขายใบตอง เครือกล้วย ปลีกล้วย ทุกส่วนของต้นขายได้ทั้งหมด แล้วยังเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้ตลอดปี  หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีเงินเหลือฝากทุกปี ยังมีเงินเปลี่ยนรถยนต์ใหม่ทุก 1 - 2  ปีอีกด้วย




                                                                   การปลูกดูแลกล้วยตานี


ที่ผ่านมา ภาครัฐได้จัดหาเครื่องสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า เข้ามาใช้ในระบบชลประทานของพื้นที่ตำบลย่านยาว ทำให้สวนกล้วยตานีเพื่อตัดใบตองในท้องถิ่นแห่งนี้ จึงมีน้ำดูแลสวนกล้วยตลอดทั้งปี ทำให้ต้นกล้วยไม่ขาดน้ำและมีต้นที่อุดมสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดี ตรงตามความต้องการของตลาด

การทำสวนกล้วยตานีของกำนันปรีชา  เริ่มต้นจากการเตรียมดิน โดยใช้รถไถพรวนดินด้วยผาน 3 ระเบิดดินก่อน1ครั้ง ก่อนปรับพื้นที่สวนให้เรียบ เพื่อไม่ให้น้ำขัง และไถพรวนดินด้วยผาน 7 ก่อนปลูก กำนัลปรีชาจะเริ่มปลูกกล้วยในช่วงหน้าฝน ประมาณเดือนพฤษภาคม - เดือนกรกฏาคม

สำหรับพื้นที่ 1 ไร่จะใช้หน่อยกล้วย 250 หน่อ ขุดหลุมกว้างลึก 30 เซนติเมตร ปลูกให้เหง้าอยู่ใต้ดิน 6-8 นิ้ว กลบดินบริเวณโคนให้แน่น ปลูกในระยะห่างประมาณ 5 ศอก ในท้องถิ่นแห่งนี้มักเจอพายุลมร้อนช่วงเดือน มีนาคม - พฤษภาคม ทำให้ใบตองแตกได้ กำนันปรีชาจึงวางแผนโดนการปลูกไม้ยืนต้น เช่นมะม่วง มะปราง รอบแปลงเพื่อเป็นแนวกั้นลม เพื่อป้องกันไม่ให้ใบตองฉีก แตก


เมื่อกล้วยตานีแตกใบออกมาที่ส่วนยอด  กำนันปรีชาจะเริ่มดูแลใส่ปุ๋ย สูตร 46-0-0 จำนวน 2 กระสอบ เพื่อบำรุงต้นกล้วยตานีในพื้นที่ปลูกทุก ๆ 5ไร่ ที่นี่จะนิยมใส่ปุ๋ยในช่วงฤดูฝน เฉลี่ยปีละ 2 - 3 ครั้ง และคอยสังเกตุความสมบูรณ์จากสภาพต้นกล้วยตะนี หากพบว่าใบกล้วยมีสีเขียวเข้ม แสดงว่าสภาพต้นสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่ขาดธาตุอาหาร หากใบตองแก่มีสีจาง แสดงว่าธาตุอาหารในดินเริ่มหมด ก็จะเติมปุ๋ยเคมีบริเวณต้นกล้วยอีกครั้ง


สวนกล้วยตานีปลูกดูแลง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลงศรัตรูพืช  แต่หน้าฝนอาจจะเจอด้วงวงเจาะลำต้น หรือปัญหาใบตองเป็นใบพรุนบ้างปะปาย ก็แก้ปัญหาแบบง่าย ๆ โดยให้ธาตุเหล็ก โดยใช้อีโต้ตัดฟันต้นกล้วยหรือใบตองเจ้าปัญหาทั้งซะ เมื่อใบตองรุ่นใหม่แตกยอดออกมาก็จะมีใบสวยพริ้ง ไร้รอยพรุ่นให้เห็นกวนใจอีก ส่วนปัญหาวัชพืชที่ขึ้นในแปลงกล้วย  ที่นีจะไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าประเภทดูดซึม ฉีดพ่นทำลายวัชพืช เพราะเสี่ยงทำให้ต้นกล้วยโทรมได้ ต้องอาศัยแรงงานคนทำหน้าที่กำจัดวัชพืชแทน



                                                             การเก็บเกี่ยว

หลังปลูกดูแลต้นกล้วนตานีไปได้ประมาณ 6 เดือน  ก็เริ่มเก็บเกี่ยวใบตองออกขายได้บางส่วน โดยทั่วไปกล้วยตานีจะให้ผลผลิตเต็มที่ เมื่ออายุครบ 1 ปี การทำสวนกล้วยตานีแห่งนี้ จะทยอยตัดใบตองแบบหมุนเวียนกันไป โดยตัดใบกล้วยออกขายทุก ๆ 15 วัน กล้วยตานี 1 ต้นจะตัดใบตองได้2ยอด พื้นที่ 1 ไร่จะได้ใบตองจำนวน 500 ยอด ภายหลังการเก็บเกี่ยว จะใส่ปุ๋ยสูตร 15 - 15 - 15 ปีละครั้ง ในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนพษฤภาคม โดยพื้นที่ปลูก 5 ไร่จะใสปุ๋ย 2 กระสอบ


อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่า  การทำสวนกล้วยตานีให้ผลตอบแทนที่สูงมากนอกจากการขายใบตองเป็นสินค้าหลัก สร้างรายได้เข้ากระเป๋าไม่ตำกว่าเดือนละ40,000 -50,000 บาทแล้ว กำนันปรีชายังมีรายได้เสริม ขายหัวปลีหัวละ 4 บาท เครือกล้วยอ่อนขายหวีละ 4 บาท สำหรับผลกล้วยอ่อน ชาวอีสานนิยมนำมาสับเพื่อปรุงเป็นส้มตำ หรือ ตำกล้วยนั่นเอง ขณะที่ชาวปักษ์ใต้นิยมนำกล้วยอ่อนไปยำหรือผัด


แม้กระทั่งต้นกล้วยที่ออกเครือแล้วก็ยังมีประโยชน์ทางการค้า กำนันจะตัดตนกล้วยไปตากให้แห้ง ขายในลักษณะปอแห้ง ในราคากิโลกรัมละ 6 บาท เรียกว่าต้นกล้วย 1 ต้น สามามรถสร้างรายได้กันทุกส่วนกันเลยทีเดียว จึงไม่น่าประหลาดใจของคำกล่าวของกำนับปรีชาว่า สวนกล้วยที่ปลูกใหม่ แค่ตัดใบตองออกขายเพียงเดือนเดียว ก็มีรายได้คุ้มกับค่าเช่า ที่ดินตลอดทั้งปีแล้ว


การทำสวนกล้วยตานีเพื่อขายใบ ถือเป็นอาชีพที่สบาย แถมได้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ เพราะลงทุนปลูกแค่ครั้งเดียว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เรื่อย ๆ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 2 - 3 จะขยายหน่อปลูกได้เอง เมื่อต้นแม่ตาย ก็จะแตกหน่อสร้างทายาทขึ้นมาทดแทนสม่ำเสมอ ทำให้มีต้นกล้วยจำนวนต่อไร่มากขึ้นแล้ว ยังตัดใบตองออกมาขายได้มากขึ้นอีกด้วย


ทอ้งถิ่นนี้นิยมตัดใบตอง วันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและเย็น โดยคนงานจะใช้ตะขอสอยที่ก้านใบลงมา และขนกลับไปที่บ้านกำนัน โดยนำใบตองกองบนพื้น รดน้ำและใช้ผ้าใบคลุมไว้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่ให้ใบตองเหี่ยว หลังจากน้ัน ภรรยากำนัน ลูกสาว และคนงานจะนั่งล้อมวงช่วยกัน ทำงานอย่างขมักเขม่น เพื่อดูแลใบตองก่อนตัดแต่งใบตองพับอย่างสวยงาม โดยได้น้ำหนักเฉี่ลย 5 กิโลกรัม ก่อนส่งขายแม่ค้าขาประจำ ช่วงหน้าแล้วเกษตรกรสามารถขายใบตองได้ในราคาสูง ประมาณมัดละ 40 บาท แต่ช่วงหน้าฝน ใบตองมีราคาถูกขายเพียงมัดละ 20 บาทเท่านั้น






ด้านการตลาด


กำนันปรีชาบอกว่า ตลาดใบตองเติบโตขึ้นทุกปี เป็นที่ต้องการของตลาด ในประเทศและลูกค้ากลุ่มใหญ๋ คือร้านค้าหมูยอใหนภาคอีสาน นิยมซื้อใบตองตานีจากสวนแห่งนี้ไปใช้ เพราะใบตองของกำนันปรีชามีคุณภาพดี เมื่อนำไปนึ่งผ่านความร้อน เนื้อใบตองไม่ดำเนื้อใบตองจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อ่อนสะดุดตาลูกค้า

เครดิตข้อมูล matichon . co.ch

***************************************************************************************************** photo tangan_zpsyxegueil.gif



*****************************************************************************************************
*****************************************************************************************************

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »

Banner adz